เขียนโดย ·
(ภาพประกอบจาก https://www.becomingminimalist.com/complain-less)
การบ่นน้อยลงมีประโยชน์มากมาย แล้วเราจะเริ่มบ่นน้อยลงได้อย่างไร
อย่างแรกยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา และลองนำขั้นตอนต่อไปนี้ไปใช้
“คุณจะบ่นเพราะดอกกุหาบมีหนาม
หรือจะยินดีที่หนามมีดอกกุหลาบ”
โดย
Tom Wilson
ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบ ไม่เคยเป็นและจะไม่มีวันเป็น นี่ไม่ใช่ข่าวร้าย
อันที่จริงเมื่อเรายอมรับความจริงอันนี้ เราได้เปิดรับความเป็นไปได้มหาศาล
ชีวิตไม่มีทางสมบูรณ์แบบ เราต่างรู้ว่านี่คือความจริง
แล้วทำไมเราจึงเอาแต่บ่นถึงความไม่สมบูรณ์นั้น
เราบ่นเกี่ยวกับอากาศ
การจราจร และวัชพืชในสวน บ่นถึงเสื้อผ้าที่คับไป กุญแจที่วางผิดที่
รวมถึงราคาน้ำมัน เราบ่นเรื่องงานหรือเรื่องที่เราตกงาน
บ่นเรื่องเพื่อนบ้านจอมสอดรู้สอดเห็น ทารกที่กำลังร้องไห้ วัยรุ่นที่ไร้สัมมาคารวะ
และคู่ครองที่แสนขี้เกียจ สังคมของพวกเราเป็นประเภทบ่นเร็วเกินไป
การบ่นแทบไม่เคยสร้างผลกระทบทางบวกต่อสถานการณ์
แน่นอนว่าบางเวลาการเตือนบางคนเกี่ยวกับความอยุติธรรมเป็นเรื่องถูกต้องและสมควรทำ
ทว่าส่วนใหญ่ เราแสดงความรู้สึกเจ็บปวด ไม่พอใจ คับข้องใจ
เพียงเพราะมันคือการตอบสนองตามธรรมชาติของเรา
ทว่าการตอบสนองเหล่านี้สมควรถูกทบทวนใหม่
เพราะมันแทบไม่ก่อให้เกิดสุขภาวะที่ดี มีผลลัพธ์ทางลบมากมายจากการตอบโต้แบบนี้
การบ่นกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาในทางลบ การบ่นไม่เคยให้ผลลัพธ์เป็นความสุข
มีแต่ทำให้เราจมลงในความทุกข์
การบ่นส่งผลกระทบต่อผู้คนรอบตัวเรา
การบ่นแพร่กระจายพลังงานลบ โดยการจดจ่อและดึงความสนใจไปสู่ปัญหาและความยากลำบากรอบตัว
ทั้งเรายังนำพาคนอื่นไปสู่ทิศทางนั้นด้วยเช่นกัน ความทุกข์ชอบการมีส่วนร่วม
การบ่นลดทอนคุณค่าของความยากลำบากในชีวิตของเรา
ความยากลำบากทั้งกายและใจสามารถมีประโยชน์อันลึกซึ้งต่อชีวิตของเราได้
มีบทเรียนมากมายที่สามารถเรียนรู้ผ่านการยอมรับความยากลำบากเท่านั้น ความอดทน
ความมานะพยายาม กลายเป็นการยอมรับความยากลำบาก คุณจะดีใจที่ทำมัน
ช่างไร้เสน่ห์อย่างยิ่ง
และไร้ความสุขเมื่อต้องใช้เวลากับผู้คนที่สนใจแต่แง่ลบ ไม่เพียงไร้เสน่ห์
คนที่ชอบบ่นโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ยังสร้างความรำคาญอีกด้วย การบ่นทำให้เราตกอยู่ในฐานะเหยื่อ
อุปสรรคที่คงทนที่สุดในการเปลี่ยนแปลงคือการบ่น
การบ่นแทบทุกอย่างมีรากฐานมาจากการโทษสิ่งอื่นหรือผู้อื่น
ในทางตรงข้าม
การบ่นน้อยลงมีประโยชน์มหาศาล มันเปลี่ยนความสนใจไปยังด้านบวก
มันปล่อยให้ความรู้สึกขอบคุณได้หยั่งราก และความสนุกสนานรื่นเริงนั้นสวยงามกว่ามาก
แล้วเราจะเลิกนิสัยชอบบ่นได้อย่างไร
อย่างแรก ยอมรับว่าการเปลี่ยนวิถีชีวิตต้องใช้เวลา จากนั้นลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.
ใคร่ครวญถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
พวกเราหลายคนบ่นเพราะไม่เคยพิจารณาทางเลือกอื่น พวกเราไม่เคยตระหนักถึงผลกระทบในทางลบของมัน
ทั้งต่อตนเองและต่อคนรอบข้าง เราไม่เคยพิจารณาทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
แต่เมื่อมีทางให้เลือก พวกเราชอบจะได้รับพลังและชีวิตชีวา
มากกว่าการเสียพลังไปเพราะคำพูด ความยากลำบากไม่ควรทำให้เราแปลกใจ จงตัดสินใจเลือกซะ
2.
ยอมรับว่าโลกนี้ไม่สมบูรณ์แบบ ชีวิตจะไม่เป็นไปตามที่เราชอบหรือต้องการในทุกทางเลือก
มันจะมีความยุ่งยากและความเจ็บปวดเสมอ ในไม่ช้าเราจะเลิกยืนกรานให้โลกหมุนรอบตัวเรา
ในไม่ช้าเราจะยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า การอุทิศตนของเราเป็นสิ่งจำเป็นกว่าความรีบเร่ง
ความยากลำบากไม่ควรทำให้เราแปลกใจ และเราไม่ใช่คนเดียวที่ประสบกับสถานการณ์เหล่านี้
3.
เข้าใจความแตกต่างระหว่างการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์กับการบ่น มีบางครั้งที่เหมาะสมจะวิจารณ์สิ่งผิด
สิ่งนี้มีประโยชน์และไม่ควรหมดกำลังใจ พิจารณาว่าสถานการณ์สามารถแก้ไขได้หรือไม่
ถ้าไม่ ก็เป็นโอกาสดีที่ได้รู้ว่าการบ่นของเราไม่ได้มีความใส่ใจอย่างแท้จริงในการแก้ปัญหา
หรือมีผลต่อความสัมพันธ์กับผู้คน ในกรณีนี้เราควรหลีกเลี่ยงการบ่น
4.
พิจารณาผู้ฟังของคุณให้ดี คุณกำลังพูดกับใครบางคนที่สามารถช่วยคุณแก้ปัญหา
หรือสนใจการแก้ปัญหาอย่างจริงจังไหม ถ้าไม่ จงพูดแค่คร่าวๆ หากต้องพูดต่อ
ให้เกริ่นนำการบ่นของคุณก่อน ด้วยถ้อยคำที่ลดระดับความรุนแรงลง ตัวอย่างเช่น
เริ่มต้นด้วย “ฉันขอระบายอารมณ์สัก 2-3 นาทีได้ไหม” บางทีทั้งหมดที่คุณต้องการคือ
แนะนำตัวเองและวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการต่อผู้ฟัง และคอยเตือนตัวเองให้พูดอย่างกระชับ
5.
หลีกเลี่ยงการเริ่มบทสนทนาด้วยการบ่น ตระหนักว่าเราเริ่มบทสนทนาด้วยการบ่นบ่อยแค่ไหน
บ่อยครั้งที่กลยุทธ์นี้ถูกใช้ในระดับจิตใต้สำนึก
เพราะมันช่วยดึงการตอบสนองได้มากขึ้น นำวิธีนี้ออกจากคลังแสงของคุณ และพยายามเริ่มบทสนทนาด้วยความร่าเริงแทน
6.
ปฏิเสธการบ่นเพื่อยืนยันตัวตน
บางครั้งการบ่นเป็นการทำไปเพื่อทำให้คนอื่นเห็นความสำคัญของเรา “ฉันยุ่งมากเลย”
เป็นตัวอย่าง
เรามักใช้การพูดแบบนี้เป็นเครื่องมือทางอ้อมเพื่อสื่อว่าตนเองมีความสำคัญ
อย่าพยายามทำให้คนอื่นประทับใจในตัวเราด้วยการบ่น กลยุทธ์นี้จะไม่ทำให้คุณได้เพื่อนในระยะยาว
7.
ตระหนักถึงเล่ห์กล มีช่วงเวลาใดในหนึ่งวันที่คุณบ่นมากกว่าช่วงอื่นหรือเปล่า
รุ่งเช้า ตอนค่ำ หรือบ่ายแก่ เมื่อคู่ของคุณอยู่บ้าน
เมื่อคุณดื่มกาแฟหรือทานอาหารกับเพื่อน อาจเป็นตอนอยู่รอบตู้กดน้ำกับเพื่อนร่วมงาน
จงรู้ตัวและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นหากทำได้ หากเลี่ยงไม่ได้
ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเห็นการพร่ำบ่นเริ่มเกิดขึ้น
8.
ทดลองทำเป็นเวลาสั้นๆ การตั้งเป้าหมายว่าจะไม่บ่นอีกเลย อาจก่อให้เกิดผลตรงข้าม
แทนที่จะทำแบบนั้น ให้กำหนดช่วงเวลาที่คุณสามารถตั้งสติมากเป็นพิเศษ อย่างเช่น
ตั้งใจว่าจะเลิกบ่น 1 วัน ยิ่งเวลาน้อยเท่าไร ก็ยิ่งช่วยให้คุณจดจ่อต่อเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้น
การทดลองทำในเวลาสั้นๆ จะช่วยประคับประคองและเพิ่มความละเอียดรอบคอบ
การบ่นอย่างไร้สติสนองวัตถุประสงค์ในชีวิตของเราเพียงน้อยนิด
มันค้ำจุนความขุ่นเคือง แพร่กระจายพลังงานลบ จุดประกายความขัดแย้ง
เราจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นหากไม่บ่น ก้าวต่อไป ตระหนักรู้
และยอมรับด้านบวกแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น