หนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
เป็นหนังสือที่นำเสนอแนวคิดของมินิมอลลิสม์ รวมทั้งวิธีลดปริมาณข้าวของ
หลังจากอ่านจบ เรามองว่าฟุมิโอะผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ นำเสนอแนวทางแบบมินิมอลลิสม์สายแข็ง
(extreme minimalism) เพราะเขามีข้าวของน้อยมาก
ขนาดสามารถเก็บของทั้งหมดเพื่อย้ายบ้านในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ข้าวของคงน้อยมากจริงๆ
อาจมีไม่ถึง 100 ชิ้นด้วยซ้ำ
ผู้ที่ไม่เคยศึกษาเรื่องมินิมอลลิสม์มาก่อน
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ อาจเข้าใจว่าการเป็นมินิมอลลิสม์ต้องมีข้าวของน้อยมาก
มีแค่เท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและการทำงานเพียงไม่กี่ชิ้น
จนอาจเกิดคำถามว่าทำไมเราต้องมีข้าวของน้อยขนาดนั้นด้วย เราอยากบอกตั้งแต่ต้นว่า
หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดแบบมินิมอลลิส์ได้ดีและมีประโยชน์มาก แต่ไม่จำเป็นว่าผู้เริ่มสนใจมินิมอลลิสม์
ต้องพยายามมีข้าวของไม่กี่ชิ้นเหมือนฟุมิโอะ เราสามารถนำแนวทางในหนังสือมาประยุกต์ใช้
โดยเลือกระดับความเข้มข้นให้เหมาะสมกับตนเองได้
ในหนังสือบอกวิธีลดจำนวนข้าวของไว้เยอะทีเดียว
ซึ่งเราจะไม่พูดถึงในที่นี้ เพราะเราจัดบ้านและลดจำนวนข้าวของโดยใช้วิธีแบบคมมาริ
(จากหนังสือ ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว) เป็นหลัก หนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
เป็นมินิมอลลิสม์สายแข็ง จึงมุ่งเน้นเก็บเฉพาะข้างของที่จำเป็น ซึ่งของที่จำเป็นจริงๆ นั้นมีจำนวนน้อยมาก ส่วนวิธีแบบคมมาริ
จะเก็บเฉพาะของที่สำคัญ ปริมาณข้าวของที่เก็บไว้จึงมีจำนวนมากกว่า เราแนะนำให้อ่านวิธีลดข้าวของในหนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
แต่ไม่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด แค่เป็นแนวทางก็พอ เพราะถ้าเราทิ้งของที่ยังไม่พร้อมจะทิ้ง
หรือทิ้งของไปแล้วรู้สึกเสียดาย การทิ้งของด้วยความรู้สึกแบบนี้
แทนที่จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง กลับทำให้รู้สึกทุกข์
เนื้อหาส่วนที่เราชอบในหนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
คือความคิดและทัศนคติภายในของมินิมอลลิสต์ ซึ่งหนังสือชีวิตดีขึ้นทุกๆ
ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียวไม่ได้กล่าวถึงมากนัก
เพราะมุ่งเน้นการนำเสนอข้อดีของการจัดบ้านรวมทั้งวิธีการที่ได้ผล เราชอบที่ฟุมิโอะเขียนถึงความคิด
ทัศนคติ แรงจูงใจ ที่ทำให้เราซื้อข้าวของเกินจำเป็น
ทั้งยังเก็บข้าวของที่ไม่ได้ทำให้มีความสุขไว้ นอกจากนั้นยังนำเสนอแง่มุมอันมืดหม่น
ซึ่งเราเองก็มีเหมือนกัน หนังสือเล่มนี้ทำให้ได้รู้ว่ามีมนุษย์คนอื่น ที่มีความทุกข์แบบเดียวกับตัวเอง
เราไม่ได้มีปัญหาแบบนี้อยู่คนเดียวในโลก หนังสือเล่มนี้ทำให้เราอยากเข้าใจความคิดของมินิมอลลิสต์คนอื่นมากขึ้น
พอเลองหาข้อมูลทั้งจากการอ่านบล็อก ดู youtube ของมินิมอลลิสต์คนอื่น จึงได้พบว่าปัญหาที่เรามี
เป็นประเด็นร่วมที่คนจำนวนไม่น้อยก็มีเหมือนกัน
และพวกเขาก็ได้พบกับวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ด้วยการใช้ชีวิตแบบมินิมอลลิสม์
-
คุณเคยซื้อของตามกระแสนิยม ซึ่งได้ใช้เพียงไม่กี่ครั้งไหม
-
คุณเคยคิดว่าข้าวของบางอย่าง เป็นสิ่งบ่งบอกตัวตนของคุณไหม
-
คุณเคยเปรียบเทียบข้าวของที่คุณมีกับของคนอื่นไหม
-
คุณเคยซื้อข้าวของบางอย่าง ที่คุณไม่ได้ชอบ เพื่อให้คนอื่นยอมรับหรือชื่นชมบ้างไหม
-
การซื้อของด้วยเหตุผลที่กล่าวว่ามา ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร
หนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
จะทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น