การรีวิวหนังสือ “สุดท้ายก็ต้องทิ้ง” ในครั้งนี้
ก็จะเหมือนเล่มก่อนหน้า คือรีวิวผ่านมุมมองส่วนตัว
ใครที่อยากอ่านรีวิวแบบเป็นการเป็นงาน สามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ของอมรินทร์ค่ะ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณยายชาวสวีเดน
นามว่า มาร์การีตา แมกนัสสัน เนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับการจัดบ้านเพื่อเตรียมตัวตาย
เรียกว่า Death Cleaning คุณยายอธิบายว่าปกติเดธคลีนนิ่งจะทำหลังจากบุคคลนั้นเสียชีวิตไปแล้ว
โดยสามี ภรรยา ลูกๆ หรือญาติพี่น้องของผู้ตาย
ซึ่งคุณยายเองได้ทำเดธคลีนนิ่งให้สามีที่ตายไป สิ่งที่ฉันแปลกใจมากคือทรัพย์สมบัติของสามีของคุณยายมีมาก
จนกระทั่งต้องจ้างโรงประมูลให้มาช่วยจัดการ
คุณยายไม่ได้บอกว่าเธอมีฐานะทางเศรษฐกิจอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะฐานะดีไม่น้อย เพราะสามีของเธอมีทรัพย์สินค่อนข้างเยอะ
หนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นภาพวัฒนธรรมอันน่าสนใจของสวีเดน
ซึ่งหลายอย่างก็ต่างจากไทย
การต้องจัดการเดธคลีนนิ่งให้สามี
ทำให้คุณยายคิดว่าควรทำเดธคลีนนิ่งให้ตัวเองเสียตั้งแต่ก่อนตาย เพื่อทรัพย์สมบัติต่างๆ
จะได้ไม่เป็นภาระแก่ตัวเธอที่แก่ตัวและอ่อนแอลงทุกวัน รวมทั้งไม่เป็นภาระของลูกหลานที่ต้องมาจัดการทรัพย์สมบัติของเธอ
คุณยายทำพินัยกรรมและคุยกับลูกหลานว่าจะยกอะไรให้ใครบ้าง
ในหนังสือเล่มนี้เธอเชิญชวนให้คนในวัยเดียวกันมาทำเดธคลีนนิ่ง ทั้งยังกล่าวว่าข้อดีของการทำเดธคลีนนิ่ง
คือการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและลูกหลานได้มีโอกาสคุยเรื่องความตาย
ซึ่งเป็นเรื่องพูดได้ยากในสังคมสวีเดน
เนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือคือการบอกข้อดีของการทำเดธคลีนนิ่งล่วงหน้า
ซึ่งก็คือการลดปริมาณข้าวของให้เหลือเท่าที่พอใช้ และไม่สร้างภาระในการดูแลรักษาให้แก่คนชราและผู้ป่วย
รวมทั้งการทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินล่วงหน้า คุณยายพยายามเชิญชวนให้ผู้อ่านมาทำเดธคลีนนิ่งด้วยกัน
ส่วนวิธีการจัดการข้าวของมีไม่มาก และไม่ค่อยชัดเจนนัก
คุณยายไม่ได้บอกวิธีการเป็นขั้นตอน แต่กล่าวในลักษณะบรรยายไปเรื่อยๆ ลักษณะการเขียนเป็นแบบเล่าเรื่อง
ผู้อ่านต้องพยายามจับใจความเอาเอง บางส่วนก็ยืดยาดไปหน่อย ซึ่งคงเป็นไปตามวัยและการใช้ชีวิตของคุณยาย
ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพราะเกี่ยวกับมินิมอลลิสม์
ซึ่งหนังสือก็เกี่ยวกับมินิมอลลิส์จริงๆ แต่เป้าหมายของมินิมอลลิสม์ในหนังสือเล่มนี้
ต่างจากหนังสือมินิมอลลิสม์เล่มอื่น ที่เขียนโดยคนหนุ่มสาว อย่างเช่น ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านครั้งเดียว
กับอะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป รวมทั้งบทความและคลิปในยูทูป ซึ่งใช้แนวคิดแบบมินิมอลลิสม์
เพื่อลดปริมาณข้าวของและสิ่งอื่นๆ ที่ไม่สำคัญลง เพื่อให้สามารถค้นพบว่าอะไรคือสิ่งสำคัญและมีความหมายต่อตัวเองอย่างแท้จริง
เพื่อจะได้นำเวลา เงิน และพลังงานไปทุ่มเทให้กับสิ่งเหล่านั้น
หนังสือเล่มนี้ใช้มินิมอลลิสม์เพื่อลดปริมาณข้าวของ ให้เหลือเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในช่วงสุดท้ายของชีวิต
เพื่อจะทิ้งทุกอย่างในท้ายที่สุด เมื่อความตายมาเยือน
ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะกับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่คาดว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
สำหรับคนหนุ่มสาวที่ยังใฝ่ฝันถึงคุณค่าบางบางอย่างในชีวิต ผู้ที่กำลังแสวงหาตัวตน ผู้อยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองให้คุณค่า
หนังสือเล่มนี้คงไม่เหมาะ เพราะไม่ได้กล่าวถึงเรื่องเหล่านี้
กระนั้นก็ไม่เสียหายที่จะลองอ่าน หนังสือเล่มนี้อาจทำให้คุณได้รับรู้มุมมองที่กว้างขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น