เขียนโดย JOSHUA BECKER
บทความต้นฉบับ A New, Minimalist Economy
เศรษฐกิจใหม่แบบมินิมอลลิสต์ (1)
ความเข้าใจผิดประการที่สองที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ความเชื่อว่ามินิมอลลิสม์คือการไม่ใช้จ่าย
มินิมอลลิสม์ในแง่วิถีชีวิต
ไม่ได้เรียกร้องให้ผู้คนเลิกใช้เงินโดยสิ้นเชิง เพียงแค่เปลี่ยนทิศทางการใช้เงิน ให้ออกห่างจากการพยายามครอบครองวัตถุ
มินิมอลลิสม์ให้ความสำคัญกับสิ่งอื่น เช่น
ประสบการณ์
: จากคอนเสิร์ต สู่การรับประทานอาหารนอกบ้าน ชมพิพิธภัณฑ์
ร่วมกิจกรรมกีฬา มินิมอลลิสต์ชื่นชอบประสบการณ์มากกว่าการครอบครองวัตถุ
การใช้จ่ายจะเริ่มไปในทิศทางนั้นมากขึ้น
การเดินทางและท่องเที่ยว
: มินิมอลลิสต์จำนวนมากกล่าวว่ามันเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่สุด
ผู้คนบางส่วนรับแนวคิดมินิมอลลิสม์มาใช้เพื่อเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ บางส่วนตระหนักว่าการเดินทางและท่องเที่ยวเป็นเพียงผลพลอยได้จากการมีข้าวของน้อยลง
ทั้ง 2 แนวทางต่างส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อเศรษฐกิจ การไม่ใช้เงินเพื่อครอบครองวัตถุแบบประเดี๋ยวประด๋าว
ทำให้มีเงินพอท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมจำนวนมากก็จะถูกเรียกร้องให้ผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการนี้
ศิลปะ
: ไม่ใช่มินิมอลลิสต์ทุกคนที่มองว่าตัวเองเป็นศิลปินในทางปฏิบัติ
หรือชื่นชอบศิลปะ แต่คาดได้ว่าเศรษฐกิจแบบมินิมอลลิสม์จะให้คุณค่ากับศิลปะมากขึ้น
มินิมอลลิสม์ทำให้ผู้คนมีโอกาสฝึกฝนและชื่นชมศิลปะมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากขึ้น
: การใช้ชีวิตคือการบริโภค พวกเราต้องการอาหาร
ที่อยู่และเสื้อผ้า
ทั้งยังมีความปรารถนาและเป้าหมายที่อยากเติมเต็มในชีวิตอันแสนสั้น
ความต้องการและเป้าหมายเหล่านี้จำเป็นต้องใช้สินค้าบางอย่าง
มินิมอลลิสม์ไม่ได้ปฏิเสธการซื้อข้าวของ แต่ให้โอกาสเราได้ครอบครองสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น
ในเศรษฐกิจแบบมินิมอลลิสต์ การออกแบบที่ดี ใช้งานได้หลากหลาย
และคุณภาพดีเป็นที่ต้องการและถูกซื้อหา
บริการ
: ในธุรกิจแบบมินิมอลลิสม์ งานบริการเป็นที่ต้องการมากกว่าครอบครองสินค้าจากร้านขายปลีก
ในฐานะทางออกชั่วคราว เพื่อนของผมเพิ่งจ้างแม่ครัวส่วนตัว
เพื่อเติมตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวให้ครบ เขากล่าวว่ามินิมอลลิสม์คือเครื่องมือที่ทำให้เขาได้สิ่งนี้มา
เพราะเขาใช้เงินซื้อสิ่งของน้อยลง เขามีเวลาว่างในตารางงาน
และมีเงินจ้างบริการเหล่านี้ บริการที่ในระยะยาว คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดี
ความเป็นอยู่ที่ดี และความสมบูรณ์
การวิจัยและการแก้ปัญหา
: Mr.Money ได้ให้ความเห็นว่าการเก็บออมและการลงทุน
แสดงถึงพลวัตของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
การเลิกบริโภคอย่างไม่หยุดหย่อน
การใช้สินค้าร่วมกัน ทำให้ผู้คนสามารถเก็บออมเงินในธนาคาร ซึ่งจบลงในมือของผู้ประกอบการใหม่หรือธุรกิจที่มีอยู่
ผู้ซึ่งสามารถใช้เงินนั้นสร้างเทคโนโลยีใหม่ สร้างโรงงาน ลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์
เปิดโอกาสให้พวกเขาเพิ่มความสามารถในการผลิต การลงทุนสร้างผลผลิต
และผลผลิตเป็นสิ่งผลักดันมาตรฐานการใช้ชีวิต
การใช้ร่วมกัน(sharing) : การเคลื่อนไหวนี้ได้ดำเนินการไปแล้วสักพัก
เทคโนโลยีทำให้มันเป็นไปได้ ทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ถูกใช้ร่วมกันในปัจจุบัน
ในหมู่ประชาชน มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ทั้ง Uber AirBnb Fon และ
NiceRide มีตัวอย่างรอบตัวเราให้เห็น อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตขึ้น
ทำให้เราเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจในอนาคต อีกครั้งที่แต่ละคนเป็นตัวแทนความคิดสร้างสรรค์ของปัจเจก
และจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ
Public Good : สิ่งนี้เป็นตัวแทนประโยชน์สูงสุดของมินิมอลลิสม์ในระดับมหภาค
มินิมอลลิสม์ให้โอกาสแก่ปัจเจกได้ฝึกฝนความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ในระดับกว้างขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
มินิมอลลิสม์ให้โอกาสเราเปลี่ยนทิศทางการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ให้ไปพ้นจากความต้องการของตนเอง
และเริ่มใช้ในหนทางอันเป็นรูปธรรม เพื่อบรรจบกับความจำเป็นของผู้อื่น
ทั้งการให้อาหารผู้หิวโหย สร้างบ้านเด็กกำพร้า รักษาสิ่งแวดล้อม คุ้มครองสัตว์
ต่อต้านการใช้อภิสิทธิ์
ทรัพยากรของพวกเราสามารถทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
เศรษฐกิจจะสะดุดหากมินิมอลลิสม์ขยายสู่ระดับประเทศหรือไม่
แน่นอน เศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีพื้นฐานอยู่บนการบริโภคเกินควรจะชะลอตัว
มันจะสะดุดในระยะสั้น แต่จะเกิดการปรับเปลี่ยนตัวเองในที่สุด อย่างที่เคยเป็นมาเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น