เขียนโดย JOSHUA BECKER
บทความต้นฉบับ A New, Minimalist Economy
ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำถาม
ผมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของแม่ยาย เราเปิดโทรทัศน์ไปที่ช่อง MSNBC เพื่อดูสัมภาษณ์แทมมี่ สตรอเบล (Tammy
Strobel) หลังจากปรากฏตัวในรายการ Today Show ใน
New York Times แทมมี่ได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์ในเคเบิล
เนตเวิร์ค
เกี่ยวกับประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบมินิมอลลิสต์และอาศัยอยู่ในบ้านหลังจิ๋ว
เมื่อจบบทสนทนา
พิธีกรถามคำถามสำคัญกับแทมมี่ว่า “หากทุกคนเป็นมินิมอลลิสต์และใช้ชีวิตเหมือนคุณ
จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบเศรษฐกิจของเรา คุณเคยให้ความคิดเห็นถึงผลกระทบที่จะตามมาบ้างไหม”
ในรายการสัมภาษณ์พิเศษ ซึ่งกินเวลาล่วงเลยไปนาน
จากนั้นมาผมก็เข้าใจว่าคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของมินิมอลลิสต์ต่อระบบเศรษฐกิจของเราเป็นเรื่องสำคัญ
และมีนัยยะสำคัญต่อเปอร์เซ็นต์จำนวนประชากร ในการสัมมนาครั้งหนึ่ง ผมถูกถามคำถามเดียวกัน
เมื่อไม่นานมานี้ หลังกิจกรรมที่ Phoenix CEO ก็มาคุยกับผมในเรื่องนี้เช่นกัน
“โจชัว
ผมเข้าใจที่คุณพูดเกี่ยวกับการครอบครองข้าวของน้อยลง
ซึ่งผมเห็นด้วยในระดับปัจเจกบุคคล อย่างไรก็ตาม ความอยู่ดีกินดีของประเทศเรา
ต้องพึ่งพาให้ผู้คนซื้อของที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องมี
ถ้ามีมินิมอลลิสต์มากระดับประเทศ เศรษฐกิจของเราคงพังพินาศ”
ก่อนที่ผมจะตอบปัญหาที่เขากังวล
ผมได้ใคร่ครวญถึงผลกระทบระยะสั้น และระยะถัดไปอีกเล็กน้อย บางทีสิ่งที่เขาพูดมาอาจถูก
มีปัจจัยมากมายมหาศาลที่กระตุ้นให้เกิดการบริโภคเกินพอดีอย่างแพร่หลายในสังคมร่ำรวยในโลกทุกวันนี้
ในแง่เฉพาะตัว มันคือปัญหาในจิตใจ ที่ทำให้เกิดการบริโภคเกินพอดี ทั้งความโลภ
ความอิจฉา การขาดความเห็นใจ ความปรารถนาจะทำให้ผู้อื่นประทับใจในตัวเอง ความภูมิใจ
ความพยายามชดเชยบุคลิกที่บกพร่อง นิสัยชอบเสาะแสวงหาความสุขจากการครอบครองสิ่งของ
การไม่ตระหนักถึงความเสียหาของการบริโภคเกินพอดี
ทว่าหนักยิ่งกว่านั้น
คือปัญหาจากสังคม ระบบเศรษฐกิจในระดับมหภาคของพวกเรา ตั้งอยู่บนการบริโภคเกินพอดี
และจำเป็นต้องให้ผู้คนทุกชนชั้นใช้จ่ายมากกว่าที่พวกเขามี ผู้ค้าปลีกที่หมดกำลังใจ
ผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นต่ำ มักถูกรายงานว่าเป็นหายนะของระบบเศรษฐกิจ
“เราต้องทำให้ผู้คนใช้จ่ายมากขึ้น”
นี่คือประโยคยอดฮิตของนักข่าว
ในฐานะหนทางเดียวที่จะฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจที่กำลังฝืดเคือง อันที่จริง
ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวเศร้าเกี่ยวกับแนวโน้มการชำระหนี้ของผู้บริโภค
“ถ้าผู้บริโภคเลือกเก็บเงินเพื่อชำระหนี้ ก็คาดถึงความเศร้าสลดล่วงหน้าได้เลย”
คำถามแรกของผมหลังจากอ่านหัวข้อคือ
สังคมแบบไหนที่เราสร้างขึ้นโดยเรียกร้องให้ผู้คนต้องเป็นหนี้
เพื่อประคับประคองมันไว้ มันจะดำรงอยู่ได้นานแค่ไหน ทว่ายิ่งไปกว่านั้น
ผมถูกเตือนให้นึกถึงคำถามที่ถูกถามเป็นประจำ ซึ่งได้ยินครั้งแรกจากการถามแทมมี่
ในรายการ MSNBC
มินิมอลลิสม์กับความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ด้วยกันได้หรือไม่
ผมเชื่อว่าทำได้
และไม่ใช่ผมคนเดียวที่เชื่อเช่นนั้น สำหรับมือใหม่ และผู้คนที่แย้งว่าทั้งสองเข้ากันไม่ได้
พวกเขามองพลาดภาพใหญ่ของ 2 ด้านที่สำคัญไป นั่นคือความยืดหยุ่นในระบบทุนนิยม
และความเข้าใจผิดว่ามินิมอลลิสม์คือการไม่ใช้จ่ายใดๆ เลย
อย่างแรกเกี่ยวกับความยืดหยุ่นในระบบเศรษฐกิจของเรา
มีความเชื่ออย่างแพร่หลายว่าตลาดและธุรกิจคอยควบคุมพฤติกรรมผู้บริโภค
ซึ่งถูกต้องในระดับหนึ่ง นักการตลาดใช้เวลาหลายชั่วโมง พยายามสร้างนิสัยใหม่ให้ผู้บริโภค
เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อของที่พวกเขาผลิตขึ้นโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโดยแก่นแท้
คือการจัดหาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่เหตุผลอื่น
ตัวอย่างความสอดคล้องต้องกันในการผลิตและขายเสื้อผ้าราคาถูกตามกระแส
การจะทำเช่นนั้นได้ พวกเขาต้องจ่ายค่าจ้างราคาถูกอันไม่เป็นธรรม
ให้กับแรงงานจากที่ไหนสักแห่ง เพื่อผลิตเสื้อผ้าที่ราคาถูกมากๆ ได้
เราต่างยกมือขึ้นด้วยความรังเกียจ
จากนั้นก็ขับรถไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อเสื้อยืดราคาถูก ผลที่ตามมาคือ สินค้าราคาถูก
ทั้งเสื้อยืด เสื้อกันหนาว ชุดเดรส รองเท้า ถูกผลิตออกมามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
หากในที่สุดผู้บริโภคจำนวนมากกล่าวว่า “พอแล้ว ฉันจะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อเสื้อผ้า
เพื่อให้แน่ใจว่าแรงงานจากทั่วทุกมุมโลกจะได้ทำงานภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม” และทำอย่างนั้นจริงๆ
คลังสินค้าเหล่านี้จะเปลี่ยนการกระทำและแบบแผนการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคม
ที่พวกเขาผลิตเสื้อผ้าขาย
ธุรกิจอาจสร้างอิทธิพลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในบางแง่มุม
ทว่าในกฎเกณฑ์ระยะยาว พวกเขาตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค มากกว่าสร้างขึ้นมา
ซึ่งทำให้ผมย้อนกลับไปยังทำถามเริ่มต้น
เศรษฐกิจของพวกเราจะสะดุดและถดถอยหากคนส่วนใหญ่กลายเป็นมินิมอลลิสม์หรือไม่
ในระยะสั้น ใช่ มันจะเกิดการสะดุดระหว่างทางอย่างแน่นอน
ทว่าเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนตลาดเสรี หลักการลงทุน สามารถนำเสนอตัวเองในรูปแบบใหม่ได้เสมอ
จิตวิญญาณผู้ประกอบการ จะพบหนทางใหม่ในการสร้างรายได้เสมอ
และพวกเขาจะทำแนวทางใหม่ให้สอดคล้องกับมินิมอลลิสม์
เศรษฐกิจใหม่แบบมินิมอลลิสต์ (2)
เศรษฐกิจใหม่แบบมินิมอลลิสต์ (2)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น