หนังสือเล่มนี้ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดมินิมอลลิสม์โดยตรง ผู้เขียนหนังสือก็ไม่ได้กล่าวว่าการใช้ชีวิตแบบชาวปารีส
เป็นการใช้ชีวิตแบบมินิมอลลิสม์
ทว่าหลังจากที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบก็พบว่าการใช้ชีวิตแบบชาวปารีส
มีหลายแง่มุมที่บังเอิญเป็นมินิมอลลิสม์ หากใครลองใช้ชีวิตตามสไตล์ชาวฝรั่งเศส
ก็จะได้ใช้ชีวิตแบบมินิมอลลิสม์สายชิลล์ไปโดยปริยาย
ก็เลยอยากจัดหนังสือเล่มนี้ไว้ในหมวดมินิมอลลิสม์ด้วยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
เป็นหญิงสาวอเมริกัน ได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ปารีส และได้อาศัยอยู่กับครอบครัวหนึ่ง
ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกชาย 3 คน (ซึ่งนานๆ จะมาเยี่ยมบ้านสักที) เธอได้พบว่าชาวปารีสมีสไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากชาวอเมริกันมาก
ทั้งยังได้เรียนรู้เคล็ดลับมากมายจาก “มาดามชิค” แม่บ้านของครอบครัวนี้
เราอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วพบว่าชาวปารีสมีสไตล์การใช้ชีวิตที่น่าสนใจจริงๆ
บางอย่างก็แตกต่างจากที่เคยวาดภาพไว้อย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลกใจมากคือเรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าของชาวปารีส
พวกเขามีเสื้อผ้าชิ้นหลักประมาณ 10 ชิ้นเท่านั้น (เสื้อผ้าหลัก
หมายถึงเครื่องแต่งกายที่ใช้กับร่างกายส่วนบนและส่วนล่าง คือ เสื้อ กางเกง กระโปรง
และชุดเดรส เครื่องแต่งกายเสริม เช่น เสื้อกันหนาว หมวก เข็มขัด ผ้าพันคอ ถุงมือ
ถุงเท้า เป็นต้น) ซึ่งเป็นปริมาณน้อยมากจนน่าตกใจ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า
เสื้อผ้าชิ้นหลักแค่10 ชิ้น เพียงพอจะใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
เรื่องเสื้อผ้าชิ้นหลัก
10 ชิ้น ของชาวปารีสทำให้เราตกใจมาก เพราะฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้นำแฟชั่น
เสื้อผ้าแบรนด์ดังหลายแบรนด์ก็มาจากฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นชาแนล, คริสเตียน ดิออร์
เราจึงคิดมาตลอดว่าชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในปารีส จะชื่นชอบการแต่งตัวและรักแฟชั่นมาก
แต่กลายเป็นว่า ชาวปารีสมีเสื้อผ้าชิ้นหลักแค่ 10 ชิ้น
เพื่อนของเราที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีสระยะเวลาหนึ่ง
ยืนยันว่าชาวปารีสมีเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นจริงๆ สรุปว่าชาวปารีสโดยรวมแต่งกายแบบมินิมอลลิสม์
โดยใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองชอบ จำนวนไม่กี่ชิ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของชาวปารีส การใส่เสื้อผ้าซ้ำบ่อยๆ
ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แต่ต้องซักนะจ๊ะ
ชาวปารีสใช้ของชั้นดีจำนวนน้อย
ผู้เขียนหนังสือกล่าวว่า ครอบครัวที่เธอพักอาศัยอยู่ด้วย
มีข้าวของเครื่องใช้จำนวนไม่มากนัก และนิยมใช้ข้าวของชั้นดี
บางอย่างก็เป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ อย่างแก้วคริสตัล ถ้วยชามกระเบื้องเคลือบ
พวกเขาไม่ชอบซื้อของราคาถูกจำนวนมาก หรือซื้อของราคาถูกบ่อยๆ
แต่นิยมใช้ของคุณภาพดีจำนวนน้อย และใช้นานๆ นี่ก็ตรงกับแนวทางของมินิมอลลิสม์
ที่สนับให้ใช้ของที่มีคุณภาพจำนวนน้อย และเป็นของที่เราชอบจริงๆ
ชาวปารีสชอบซื้อของจากร้านค้าท้องถิ่น
และร้านค้าเฉพาะอย่าง ไม่นิยมซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ต อันนี้อาจไม่ค่อยมีมินิมอลลิสต์คนไหนพูดถึงสักเท่าไหร่
คือเราสงสัยว่าถ้าคนจำนวนมากเป็นมินิมอลลิสต์ เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็เลยหาข้อมูล
และได้พบว่ามินิมอลลิสต์ตัวพ่ออย่าง Joshua Fields
Millburn & Ryan Nicodemus มองว่าการอุดหนุนสินค้าจากร้านค้าเฉพาะทาง
ผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อม สิ้นค้าท้องถิ่น สินค้าทำมือ เป็นเศรษฐกิจแบบมินิมอลลิสม์
เพราะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ที่ทำงานด้วยใจรักสามารถดำรงชีพอยู่ได้ ซึ่งเราจะแปลแนวคิดของมินิมอลลิสม์ต่อเศรษฐกิจในภายหลังค่ะ
อยากบอกว่าหนังสือเล่มนี้มีผลกระทบต่อการแต่งตัวของเรามากเลย หลังจากอ่านข้อดีของการมีเสื้อผ้าจำนวนน้อย
บวกกับสงสัยว่าชาวฝรั่งเศสมีเสื้อผ้าชิ้นหลักแค่ 10 ชิ้นได้ยังไง
เราก็เลยลองคัดเลือกเสื้อผ้าชิ้นหลัก 20 ชิ้น มีแค่ 4 สี คือ ขาว เทา ดำ และน้ำเงิน
เราทดลอง 20 ชิ้น เพราะคิดว่า 10 ชิ้นน้อยเกินไป แล้วก็ใส่วนไปวนมาใน 20 ชิ้นนี้ เริ่มทำตั้งแต่เดือนมีนาคม
ปี 2561 ทำมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ก็เกือบปีแล้ว เราพบว่าเสื้อผ้าชิ้นหลักแค่ 20
ชิ้น พอใส่จริงๆ และทำให้การแต่งตัวง่ายขึ้นมาก
เราจะเขียนเรื่องการแต่งตัวแบบมินิมอลลิสม์ของเราในภายหลังค่ะ
ในหนังสือเล่มนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย
ตอนนี้หนังสือเกี่ยวกับมินิมอลลิสม์ที่แปลเป็นภาษาไทยมีไม่กี่เล่ม
ใครที่อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมินิมอลลิสม์ เราขอแนะนำเล่มนี้ค่ะ
มีไอเดียน่าสนใจเพียบเลย ไปหามาอ่านกันนะคะชาวมินิมอลลิสต์ทุกท่าน
ว๊าวว ต้องหามาอ่านบ้างแล้วคร่า
ตอบลบน่าสนใจดีครับ
ตอบลบ