บทความนี้เล่าเรื่องมินิมอลลิสม์ของแอดมินแบบคร่าวๆ จ้า
ตอนแรกเราไม่ได้เริ่มจากมินิมอลลิสม์โดยตรง
เริ่มจากการซื้อหนังสือ “ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านครั้งเดียว” ของคนโด
มาริเอะมาอ่าน เพราะอ.ที่มหาลัยกับรุ่นพี่แนะนำว่าดี อ่านไปได้ไม่มากก็เลิกอ่าน
เพราะรู้สึกว่าเป็นนามธรรมเกินไป ต่อมาไปปฏิบัติธรรม 2 เดือน
ช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมปี 2561 ตอนนั้นใช้ชีวิตแบบ extreme minimalist โดยที่ยังไม่รู้จักคำว่ามินิมอลลิสม์
เรามีข้าวของเท่าที่จำเป็นจริงๆ ใส่ชุดขาวเหมือนเดิมทุกวัน ประสบการณ์ช่วง 2
เดือนนั้น ทำให้รู้ว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตโดยมีข้าวของจำนวนน้อยเท่าที่จำเป็นได้
ของทุกอย่างมีไว้เพื่อใช้จริงๆ ไม่ได้มีเพื่อความสวยงามหรือเอาไว้อวดคนอื่น
หรือเอาไว้สร้างภาพลักษณ์ให้ตนเอง
พอกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
นิสัยเดิมๆ ก็กลับมา แต่ประสบการณ์ extreme minimalist ในช่วงนั้น ทำให้เกิดคำถามบางอย่าง
ที่อยากทำความเข้าใจ จึงอ่านหนังสือชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านครั้งเดียวจนจบ
แล้วซื้อหนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไปมาอ่านเพิ่ม
แล้วก็พบว่าการใช้ชีวิตช่วงปฏิบัติธรรม เป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงกับมินิมอลลิสต์สาย extreme ที่มีข้าวของเท่าที่จำเป็นจริงๆ หลังจากอ่านหนังสือสองเล่ม
บวกกับอ่านประสบการณ์จัดบ้านแนวคมมาริของรุ่นพี่
เรารู้สึกชอบแนวทางแบบคมมาริมากกว่า
เพราะเก็บไว้เฉพาะของสำคัญที่ทำให้เรามีความสุข จำนวนของที่มีจึงมากกว่าแนวทางของหนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
ซึ่งมีข้าวของเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
หลังจากตัดสินใจแล้ว
ก็ทำการจัดบ้านแบบรวดเดียวจบตามแนวทางคมมาริ ใช้เวลาสองเดือนกว่า
ทิ้งและบริจาคข้าวของไปจำนวนมาก แล้วก็ทดลองใช้เสื้อผ้าชิ้นหลักเพียง 20 ชิ้น มี 4
สี คือขาว เทา ดำ น้ำเงิน เก็บบางส่วนไว้อีกฝั่งของตู้เสื้อผ้า
เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถอยู่ได้โดยมีเสื้อผ้าชิ้นหลักเพียง 20 ชิ้นหรือไม่
จากวันนั้นผ่านไปหนึ่งปีแล้ว พบว่าเสื้อผ้าชิ้นหลัก 20 ชิ้นเพียงพอ
หลังจากจัดบ้านแบบคมมาริ ห้องของเราก็ไม่กลับมารกอีกเลย ชีวิตไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่
ไม่ได้มีเหตุการณ์ดีๆ อะไรเกิดขึ้นเหมือนชื่อหนังสือ สิ่งที่ดีคือนิสัยดีขึ้น
เป็นระเบียบมากขึ้น ของไม่หาย หาของเจอเสมอเพราะเก็บที่เดิมทุกครั้ง
แล้วก็ทำความสะอาดบ้านง่ายขึ้นด้วย
ในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมปี
2561 เราไปปฏิบัติธรรมอีก 2 เดือน ผู้คนในชุมชมผู้ปฏิบัติธรรมจะมีข้าวของจำนวนน้อยเท่าที่จำเป็นจริงๆ
และแต่งกายอย่างเรียบง่ายเหมือนเดิมทุกวัน
จึงไม่มีการเปรียบเทียบเรื่องสิ่งของระหว่างกัน
ซึ่งทำให้เรารู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องพยายามซื้อข้าวของเพื่อทำให้ตัวเองดูสวยดูดี
เพื่อให้ใครประทับใจ แม้ไม่ต้องเปรียบเทียบเรื่องข้าวของ
แต่เราก็ยังเปรียบเทียบอย่างอื่นที่เป็นนามธรรมกว่า อย่างความสามารถ
บางทีก็มีความหยิ่งทะนง บางทีก็รู้สึกด้อยค่า
หลังจากกลับมาใช้ชีวิตปกติ
คำกล่าวของผู้เขียนหนังสืออะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป ที่ว่าเขารู้สึกเป็นอิสระ เมื่อไม่ต้องเปรียบเทียบความสามารถของตัวเองกับผู้อื่น
ทั้งยังกล่าวว่าความสามารถก็เช่นเดียวกับสิ่งของ
มันไม่ใช่สิ่งบ่งบอกคุณค่าของตนเอง ข้อความเหล่านี้ทำให้เราอยากเข้าใจมินิมอลลิสม์ในแง่ทัศนคติเพิ่มขึ้น
ส่วนเรื่องเทคนิควิธีการลดปริมาณกับจัดเก็บข้าวของ เราคิดว่าตัวเองทำได้ดีพอแล้ว
โดยทำตามวิธีคมมาริ การศึกษามินิมอลลิสม์ของเราจึงมุ่งไปที่การทำความเข้าใจแนวคิดและทัศนคติ
พอได้อ่านบทความและดูยูทูปของมินิมอลลิสต์ชาวต่างชาติ
ก็พบว่าปัญหาที่ตัวเองมี มินิมอลลิสต์บางคนก็มีเหมือนกัน
โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการซื้อของบางอย่างเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอื่นประทับใจ
ละเอียดขึ้นมาหน่อย คือการทำบางอย่างที่ตัวเองไม่ได้อยากทำจริงๆ
และไม่ได้สำคัญกับตัวเอง เพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเองและทำให้คนอื่นประทับใจ
ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสมาชิกในบ้าน ซึ่งเราพบว่าการทำแบบนี้ไม่มีเคยสำเร็จจริงๆ
สักที และมีแต่นำความทุกข์มาให้
เราเรียนรู้จากมินิมอลลิสต์คนอื่นที่มีปัญหาเดียวกัน
และลองทำตาม โดยการถามว่าสิ่งที่อยากซื้อ หรือต้องทำ
มีความสำคัญต่อตัวเองจริงหรือไม่ สิ่งนั้นหรือการกระทำนั้น
สร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตตัวเองไหม เราซื้อหรือทำบางสิ่งเพื่อให้คนอื่นนิยมชมชอบหรือเปล่า
การถามคำถามอย่างรอบคอบ ทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีปัญหานี้ มีเพื่อนบางคนที่ไม่มีปัญหานี้เลย และไม่เข้าใจว่าเราทำแบบนั้นไปทำไม
มินิมอล ลิมส์ช่วยนำทัศนคติผิดๆ ที่สร้างความทุกข์แก่เราออกไป ทำให้เราทุกข์น้อยลง
ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากเผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับมินิมอลลิสม์ให้กับคนที่ต้องการ
แต่ตัวเองยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จึงใช้การแปลบทความจากมินิมอลลิสต์ต่างประเทศ
ที่ลงในบล็อกสาธารณะ เป็นภาษาไทย คิดว่าเขาคงไม่ว่าอะไร
เพราะเขียนให้อ่านฟรีอยู่แล้ว งานแปลเป็นงานที่เราพอจะทำได้เพื่อเผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับมินิมอลลิสม์
อยากเขียนเองด้วย แต่เขียนเองต้องคิดมากกว่า ตอนนี้จึงมีแค่รีวิวหนังสือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น